Digital Well-Being สร้างจิตใจที่พร้อมเรียนรู้ คีย์สำคัญสู่ความสำเร็จที่ Newton
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีและเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราทุกคน แต่ทุกคนทราบหรือไม่ ว่าเทคโนโลยีมีผลโดยตรงกับพัฒนาการของเด็ก หรือแม้กระทั่งของผู้ใหญ่ ซึ่งในเด็กและวัยรุ่น ถือว่ายังเป็นวัยที่ยังมีการเจริญเติบโตทั้งด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคม หรือด้านการรับรู้สติปัญญาต่าง ๆ ดังนั้นการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลให้เหมาะสมจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเด็กและวัยรุ่นเป็นอย่างมาก
วันนี้พวกเรา The Newton Group จะขอพาทุกคนไปคุยกับคุณหมอนีท พญ.ยศมน จิรัฐวงศ์ จิตเวชเด็ก และวัยรุ่น โรงพยาบาลสมิติเวช และ Head of Mental Well-Being ของ The Newton Group ในเรื่องของ Digital Well-Being การมีสุขภาวะด้านดิจิทัลที่ดีจะช่วยสร้างเสริมจิตใจและพัฒนาการของเด็กได้อย่างไร? และคีย์ลัดที่จะทำให้นักเรียนทุกคนประสบความสำเร็จในการเรียนคืออะไร? ร่วมหาคำตอบไปด้วยกัน
Well-Being หรือสุขภาวะที่ดี
สุขภาวะที่ดีเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขและประสบความสำเร็จค่ะ โดยสุขภาวะนั้นมีอยู่ 3 ด้านด้วยกัน คือ
Physical Well-Being สุขภาวะทางกายที่ดี คือมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ไข้ พร้อมที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
Mental Well-Being สุขภาวะทางจิตที่ดี ในที่นี้หมายถึงการมีจิตใจไม่เครียด ไม่วิตกกังวล การมีความพึงพอใจในชีวิต ซึ่งที่ The Newton Group มีการตั้ง Mental Well-Being Centre ขึ้นเพื่อให้นักเรียนสามารถติดต่อเข้ามาปรึกษาและพูดคุยกับคุณหมอนีทได้โดยตรง
Digital Well-Being อย่างที่สุดท้ายคือการมีสุขภาวะด้านดิจิทัลที่ดี ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบที่มีที่ความสำคัญมาก ๆ ในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างง่ายดาย แต่การจะมี Digital Well-Being ได้ต้องทำอย่างไร? วันนี้คุณหมอนีทจะมาให้คำตอบกัน
Well-Being หรือสุขภาวะที่ดี
ในปัจจุบัน ตั้งแต่ปีค.ศ. 2010 เป็นต้นมา โลกได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นยุคดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งการเข้ามาของเทคโนโลยีนั้นเข้ามามีผลโดยตรงกับพัฒนาการของมนุษย์ ซึ่งในเด็กและวัยรุ่น ถือว่ายังเป็นวัยที่ยังมีการเจริญเติบโต ทั้งด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคม การรับรู้และสติปัญญาต่าง ๆ
โดย ณ ปัจจุบันนี้ ข้อมูลจากต่างประเทศที่ได้เก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 2000 โดยเฉพาะช่วงหลังปี 2010 เป็นต้นมา พบว่าเด็กวัยรุ่นอายุ 10-14 ปีมีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องวิตกกังวล และปัญหาด้านการจัดการอารมณ์ นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กในวัยนี้มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเองมากขึ้นถึง 200 เท่า นอกจากนี้ ในเรื่องของการพัฒนาด้านสติปัญญา จากสถิติพบว่าตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา IQ ของเด็กลดลงถึง 6-7 จุดด้วยกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาของเทคโนโลยีและดิจิทัล ที่เข้ามาดึงดูดและเบี่ยงเบนให้พฤติกรรมและการพัฒนาการของเด็กแย่ลง
อะไรเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ของเด็กในยุคปัจจุบัน?
คุณหมอนีทได้ให้คำตอบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนรู้ของเด็กคือสมาธิ โดยสมาธิเป็นแก่นสำคัญในการพาเด็กไปถึงเป้าหมายทั้งทางด้านการศึกษาและการใช้ชีวิต ซึ่ง Key Point ที่สำคัญในการเสริมสร้างสมาธิคือการมี EF หรือ Executive Function
EF หรือ Executive Function คือความสามารถที่เกิดจากการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ช่วยให้คนเราสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ พฤติกรรม เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ตนต้องการสำเร็จ โดยการมี EF ที่ดีนั้นจะช่วยให้เด็กมีความสามารถ 4 อย่างดังนี้
1. Attention ความสามารถในการจดจ่อ เด็กจะมีสมาธิจดจ่อยาว ไม่วอกแวกง่าย
2. Emotional Regulations ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเอง
3. Prioritizing and Organizing ความสามารถในการจัดลำดับสิ่งสำคัญและการจัดการชีวิตของตนเอง
4. Inhibition ความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ ไม่ถูกสิ่งเร้าและหรือสิ่งยั่วยุรบกวนได้ง่าย
4 อย่างนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เด็กประสบความสำเร็จ โดยการมีสมาธิที่เด็กควบคุมตัวเองไม่ให้หลุดออกนอกลู่นอกทางได้ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกับการเรียนในปัจจุบัน
ทำอย่างไรเด็กถึงจะเรียนรู้ได้อย่างมีความสุข?
คุณหมอนีทกล่าวไว้ว่าเราคงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปตอนที่เรายังไม่มีโทรศัพท์มือถือได้ แต่สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือการใช้ให้เป็นเวลา หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Digital Fasting
Digital Fasting คือการหยุดใช้เครื่องมือดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ในบางเวลา และใช้เฉพาะช่วงที่พอเหมาะพอควรเท่านั้น ซึ่งการทำ Digital Fasting จะช่วยลดการทำงานของสมองที่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ลดการใช้งานของสมองได้พักจากสิ่งรบกวน ให้สมองได้โฟกัสกับสิ่งที่ทำในปัจจุบัน และจะทำให้สมาธิดีขึ้นค่ะ
เด็กในวัยเรียนนั้นใช้เวลาที่โรงเรียนถึง 7-9 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นการที่มาโรงเรียนแล้วได้ทำ Digital Fasting จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้พักจากโทรศัพท์มือถือหรือ และมาจดจ่อกับการเรียนในปัจจุบันได้ เพราะการเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่อื่นที่ไม่ใช่กระเป๋าของตัวเอง จะทำให้เด็กไม่ต้องมาพะวงกับข้อความที่เด้งขึ้นมาตลอด และตรงนี้จะช่วยให้น้องคงสมาธิในการเรียนได้ดีขึ้น
ในเด็กเล็ก การที่เก็บโทรศัพท์มือถือ และให้น้องได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในวัยเดียวกัน จะช่วยส่งเสริมเรื่องพัฒนาการด้านอารมณ์ สังคม ความคิดและสติปัญญาได้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อเราลดการใช้งานโทรศัพท์มือถือ และสามารถมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนได้แล้ว จะนำไปสู่การมีสมองที่ผ่อนคลายไม่เครียด (Relaxed) ปลอดโปร่ง พร้อมเรียนรู้ (Clear) และมีใจที่นิ่ง สามารถโฟกัสได้ยาว (Still) ซึ่งเป็นคีย์สำคัญสู่การประสบความสำเร็จในชีวิตที่ The Newton เรายึดถือและนำมาใช้ปฏิบัติกับนักเรียนของเรา
เขียนและเรียบเรียงโดย: Chin Integrated Marketing Communication Officer